ตอบ โครงสร้างของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ มีการใช้โครงสร้างข้อมูลในเชิงตรรกะเพียงรูปแบบเดียวกันเท่านั้น คือ รีเลชั่น โดยที่รีเลชั่นจะถูกมองเห็นในลักษณะของตาราง (table) ที่มีคุณสมบัติดังนี้
1.แต่ละแถวใช้แทน Tuple หรือ Record ใน Relation
2.ลำดับของ Tuple ไม่สำคัญ
3.ลำดับของ Column ไม่มีความสำคัญ
4.ข้อมูลแต่ละ Tuple ต้องไม่ซ้ำกัน
2.คุณสมบัติในการจัดเก็บข้อมูลของรีเลชั่นมีอะไรบ้าง
4.ข้อมูลแต่ละ Tuple ต้องไม่ซ้ำกัน
2.คุณสมบัติในการจัดเก็บข้อมูลของรีเลชั่นมีอะไรบ้าง
ตอบ -ข้อมูลแต่ละแถวไม่จำเป็นต้องซ้ำกันโดยระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) จะมีกลไกที่ใช้ในการควบคุมไม่ให้มีการซ้ำซ้อนเกิดขึ้น เช่น รีเลชั่นพนักงานมีแอททริบิวต์รหัสพนักงานเป็นคีย์และเมื่อมรการป้อนรหัสพนักงานซ้ำกันระบบจะมีข้อความเตื่อนว่าพนักงานซ้ำซ้อนกัน เป็นต้น
-การเรียงลำดับข้อมูลในแต่ละแถวไม่เป็นสาระสำคัญเนื่องจากการเรียกใช้ข้อมูลในรีเลชั่นสามารถเรียกใช้ตวามความต้องการของผู้ใช้โดยง่าย -การเรียงลำดับของแอททริบิวต์ไม่เป็นสาระสำคัญทั้งนี้เพราะการอ้างอิงแอททริบิวต์ใดจะใช้ชื่อของแอททริบิวต์นั้นๆในการอ้างอิงไม่ใช้ลำดับที่ของแอททริบิวต์นั้น
-ค่าของข้อมูลในแต่ละแอททริบิวต์จะบรรจุค่าของข้อมูลประเภทเดียวกัน เช่น แอททริบิวต์วันเกิด จะเก็บข้อมูลประเภทวันที่จะไม่ใช่เงินเดือนที่เป็นตัวเลข เป็นต้น
-ค่าของข้อมูลในแต่ละแอททริบิวต์ของทูเพิลหนึ่งๆจะบรรจุข้อมูลได้เพียงค่าเดียว (Single Value)
ไม่ใช่กลุ่มของข้อมูลที่แสดงค่ามากกว่าหนึ่งแถว (Repeating Group)
3.รีเลชั่นประกอบด้วยคีย์ประเภทต่างๆอะไรบ้าง จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบประเภทคีย์ดังกล่าว
ตอบ 1.คีย์หลัก (Primary Key) เป็น Attribute ที่มีคุณสมบัติขิงข้อมูลที่มีค่าเป็นเอกลักษณ์ หรือมีค่าไม่ซ้ำกัน โดยคุณสมบัตินั้นจะสามารถระบุว่าข้อมูลนั้นเป็นของ Tuple
2.คีย์ผสม (Composite Key)
-การนำฟิลด็ตั้งแต่ 2 ฟิลด์ขึ้นไปมารวมกัน
-เพื่อให้มีคุณสมบัติเป็น Primary Key
-เนื่องจากหากใช้ฟิลด์ใดฟิลด์หนึ่งเป็น PK จะส่งผลให้ข้อมูลในแต่ละเรคอร์ดซ้ำซ้อนกันได้
3.คีย์คู่แข่ง (Candidate Key) ในแต่ละ relation อาจมี Attribute ที่ทำหน้าที่เป็นคีย์หลักได้มากกว่าหนึ่ง Attribute โดยเรียก Attribute เหล่านี้ว่าคีย์คู่แข่ง (Candidate Key) เช่นนักศึกษาแต่ละคนมี รหัสประจำตัวนักศึกษาและรหัสประจำตัวประชาชนโดยปกติแล้วจะเลือก Candidates Key ที่สั้นที่สุดเป็น Primary Key
4.คีย์นอก (Foreign) เป็นคีย์ซึ่งประกอบด้วยแอททริบิวต์หรือกลุ่มของบิวต์ในรีเลชั่นหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติเป็นคีย์หลักและจะไปปรากฎอีกรีเลชั่นหนึ่งเพื่อเป็นประโยชน์ในการเชื่อโยงข้อมูลซึ่งกันและกันเช่น ฐานข้อมูลของธนาคารแห่งหนึ่งประกอบด้วย 2 ตาราง คือ 1. ตารางบัญชีที่ลูกค้าเปิด (เลขประจำตัวลูกค้า, ชื่อ - นามสกุลและประเภทของบัญชี) 2. ตารางลูกค้า (เลขประจำตัวลูกค้า, ชื่อ - นามสกุล และที่อยู่) หากต้องการทราบว่าลูกค้ารายหนึ่งเปิดบัญชีใดบ้าง ก็เชื่อมโยงข้อมูล 2 ตารางเข้าด้วยกัน โดยใช้เลขประจำตัวลูกค้าเป็น Foreign Key
6. ความสัมพันธ์ระหว่างรีเลชั่นมีกี่ประเภท อะไรบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ แบ่งชนิดความสัมพันธ์ออกเป็น 3 ประเภท
-ค่าของข้อมูลในแต่ละแอททริบิวต์จะบรรจุค่าของข้อมูลประเภทเดียวกัน เช่น แอททริบิวต์วันเกิด จะเก็บข้อมูลประเภทวันที่จะไม่ใช่เงินเดือนที่เป็นตัวเลข เป็นต้น
-ค่าของข้อมูลในแต่ละแอททริบิวต์ของทูเพิลหนึ่งๆจะบรรจุข้อมูลได้เพียงค่าเดียว (Single Value)
ไม่ใช่กลุ่มของข้อมูลที่แสดงค่ามากกว่าหนึ่งแถว (Repeating Group)
3.รีเลชั่นประกอบด้วยคีย์ประเภทต่างๆอะไรบ้าง จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบประเภทคีย์ดังกล่าว
ตอบ 1.คีย์หลัก (Primary Key) เป็น Attribute ที่มีคุณสมบัติขิงข้อมูลที่มีค่าเป็นเอกลักษณ์ หรือมีค่าไม่ซ้ำกัน โดยคุณสมบัตินั้นจะสามารถระบุว่าข้อมูลนั้นเป็นของ Tuple
2.คีย์ผสม (Composite Key)
-การนำฟิลด็ตั้งแต่ 2 ฟิลด์ขึ้นไปมารวมกัน
-เพื่อให้มีคุณสมบัติเป็น Primary Key
-เนื่องจากหากใช้ฟิลด์ใดฟิลด์หนึ่งเป็น PK จะส่งผลให้ข้อมูลในแต่ละเรคอร์ดซ้ำซ้อนกันได้
3.คีย์คู่แข่ง (Candidate Key) ในแต่ละ relation อาจมี Attribute ที่ทำหน้าที่เป็นคีย์หลักได้มากกว่าหนึ่ง Attribute โดยเรียก Attribute เหล่านี้ว่าคีย์คู่แข่ง (Candidate Key) เช่นนักศึกษาแต่ละคนมี รหัสประจำตัวนักศึกษาและรหัสประจำตัวประชาชนโดยปกติแล้วจะเลือก Candidates Key ที่สั้นที่สุดเป็น Primary Key
4.คีย์นอก (Foreign) เป็นคีย์ซึ่งประกอบด้วยแอททริบิวต์หรือกลุ่มของบิวต์ในรีเลชั่นหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติเป็นคีย์หลักและจะไปปรากฎอีกรีเลชั่นหนึ่งเพื่อเป็นประโยชน์ในการเชื่อโยงข้อมูลซึ่งกันและกันเช่น ฐานข้อมูลของธนาคารแห่งหนึ่งประกอบด้วย 2 ตาราง คือ 1. ตารางบัญชีที่ลูกค้าเปิด (เลขประจำตัวลูกค้า, ชื่อ - นามสกุลและประเภทของบัญชี) 2. ตารางลูกค้า (เลขประจำตัวลูกค้า, ชื่อ - นามสกุล และที่อยู่) หากต้องการทราบว่าลูกค้ารายหนึ่งเปิดบัญชีใดบ้าง ก็เชื่อมโยงข้อมูล 2 ตารางเข้าด้วยกัน โดยใช้เลขประจำตัวลูกค้าเป็น Foreign Key
4. Null หมายถึงอะไรใน Relational Database
ตอบ Null คือค่าว่าง แต่ไม่ใช่ช่องว่าง หรือเลข 0 เป็นเพียงการที่ยังไม่รู้ข้อมูล ยังไม่พร้อม หรือยังไม่ถึงเวลาที่จะใส่ข้อมูลนั้นๆเข้าไป ซึ่งสามารถนำมาใส่ย้อนหลังด้าน5. เหตุใดจึงต้องมีการนำ Integrity rule มาใช้ในฐานข้อมูล
5. เหตุใดจึงต้องมีการนำ Integrity rule มาใช้ในฐานข้อมูล
ตอบ Integrity Rule คือกฎควบคุมความคงสภาพของข้อมูล ถูกนำไปใช้เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง คล้องจอง หรือมีความสมเหตุสมผลกัน และจะช่วยป้องกันการกระทำใดแถวของข้อมูลในแอนทิตี้แรกๆ ที่ส่งผลกระทบต่อข้อมูล หรือเกิดความไม่ถูกต้อง ความไม่สอดคล้อใขึ้นกับข้อมูล6. ความสัมพันธ์ระหว่างรีเลชั่นมีกี่ประเภท อะไรบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ แบ่งชนิดความสัมพันธ์ออกเป็น 3 ประเภท
- One to one relationship คือ ความสัมพันธ์ที่แต่ละแถวของข้อมูลในแอนทิตี้แรก สามารถจับคู่กับข้อมูลในเอนทิตี้ที่สองได้เพียงแถวเดียวเท่านั้น
- One to Many relationship คือความสัมพันธ์ที่แต่ละแถวของข้อมูลในแอนทิตี้แรกจับคู่กับขอ้มุลในเอนทิตี้ที่สองได้มากกว่าหนึ่งแถว
- Many to Many relationship คือความสัมพันธ์ที่แต่ละแถวของข้อมูลในเอนทิตี้แรก สามารถจับคู่กับข้อมูลในเอนทิตี้ที่สองได้มากกว่าหนึ่งแถวและในทางกลับกันข้อมูลแต่ละแถวของฝั่งเอนทิตี้ที่สองก็สามารถจับคู่กับข้อมูลในเอนทิตี้แรกได้มากกว่าหนึ่งแถว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น