ให้นักศึกษาหาคำศัพท์ที่เกี่ยวกับระบบเครือข่าย อุปกรณ์ต่างๆการสื่อสารข้อมูลโดยแปลความคำศัพท์ในรูปแบบ English-English และ English-Thai คนละ 2 คำ ไม่ซ้ำกันท้งห้องโดยจัดเป็นรายการคำศัพท์
Upload = ใส่ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปยังเครื่องส่วนกลางบรรจุขึ้นหมายถึงการถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งของคอมพิวเตอร์ส่งข้อมูลเรียกการเป็นตัวที่ทำการ "บรรจุขึ้น" ส่วนคอมพิวเตอร์ตัวรับข้อมูลเรียกว่าเป็นตัวเลขที่ทำการ "บรรจุลง" ส่วนมากใช้ในการถ่ายโอน จากคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายไปไว้ในแม่ข่ายซึ่งถือว่าสูงกว่า ถ้าเป็นการถ่ายโอนจากแม่ข่าย จะเรียก "บรรจุลง"
Upload = to transfer (as data or files) from a computer to the memory of another device
Switching = เกิดจากการเชื่อตัว computer แบบ point -to - point ไม่สามารถทำให้ PC ติดต่อกันอย่างทั่วถึง จึงได้เกิดอุปกรณ์ Switching เป็น Network LayerFunction สาเหตุที่ต้อง Switching เพราะเราสามารถส่งข้อมูลไปยังเครื่องใดเครื่องหนึ่งได้
Switching = to strike or beat with or as if with a switch
Skype
คือโปรแกรม Instance Massengen ที่สามารถทำงานบนคอมพิวเตอร์ทั้งระบบปฎิบัติการ Window Macintosh Linux และ Window pocket PC เพื่อให้สามารถติต่ิสื่อสารโดยผ่านทางเสียงที่มีคุณภาพ (Voice) ข้อความ (chat) ข้อความด่วน (Instant Massage) และใช้ส่งไฟล์แบบเรียลไทม์ (Real Time Send File) ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
Topology
คือลักษณะกายภาพ (ภายนอก)ของระบบเครือข่าย หมายถึง ลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ภายในเครือข่ายด้วยกันนั่นเอง โทโปโลยีของเครือข่าย Lan แต่ละแบบมีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปใช้จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องทำการศึกษาลักษณะและคุณสมบัติข้อดีและข้อเสียของโทโปโลยีแต่ละแบบเพื่อนำไปใช้ในการออกแบบพิจารณาเครือข่าย ให้เหมาะสมกับการใช้งานรูปแบบขแงโทโปโลยีของเครือข่าย
ให้หาข้อมูลอุปกรณ์เครือข่ายคนละ 1 ชิ้น
เราเตอร์ (Router)
เราเตอร์ทำงานใน Layer ที่ 3 ของ OSI Model เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่าย 2 เครือข่ายหรือมากกว่าเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อม Lan เข้ากับ Lan เข้ากับ Wan หรือแม้แต่เชื่อม Lan เข้ากับ Wan ก็ตาม โดยที่เครือข่ายนั้นจะต้อง Network Potocol ตัวเดียวกันแต่ใช้ Data Link potocol ต่างกันได้ (ต่อ Ethenet Lan เข้ากับ Token Lan ได้) Router สามารถกรองข้อมูลได้เช่นเดียวกับ Bridge แต่มีความสามารถมากกว่าตรงที่สามารถหาเส้นทางในการส่งแพ็คเก็ตข้อมูลไปยังเครื่องปลายทางได้สั้นที่สุด
IEEE 802.3
IEEE 802.3 เป็นกลุ่มย่อยเดียวกับมาตรฐาน Ethernet ตั้งแต่ด้านกายภาพ (Physical Layer) เช่น Ethernet / Fast / Gig... และด้านโปรโตคอลที่เข้ารหัสเฟรม
IEEE 802.5
IEEE 802.5 คือมาตรฐานการใช้งาน Media Access Method แบบ TokenPassing และ Ring Topology ใช้ได้กับสาย STP ,UTP Coaxial และ Fiber Optic
ข้อเสีย ถ้าสายเส้นใดเส้นหนึ้งขาดก็จะทำงานไม่ได้
มาตรฐาน IEEE 802.11
คือ มาตรฐานของการรับ - ส่งข้อมูลโดยอาศัยคลื่นความถี่ตัวอย่างของการใช้งานเช่น Wireless Lan หรือ Wi-Fi และอีกทั้งยังได้ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
มาตรฐาน IEEE 802.11a
มาตรฐาน IEEE 802.11a เป็นมาตรฐานแรกที่ได้รับการประกาศออกมา โดยอาศัยการส่งข้อมูลในช่วงคลื่น 5 GHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่สูง ทำให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงตามไปด้วยโดยมีความสามารถในการรับ - ส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ 54 Mbps แต่ในช่วงแรกบางประเทศไม่อนุญาตให้ใช้งาน เนื่องจากคลื่นความถี่ 5 GHz นั้นไม่ใช่ความถี่สาธารณะ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน
มาตรฐาน IEEE 802.11b
มาตรฐาน IEEE 802.11b เป็นมาตรฐานที่ออกมาพร้อมกับ 802.11a เพียงแต่ใช้คลื่นความถี่ที่ 2.4 GHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่า 802.11a จึงทำให้มีความเร็วในการรับ - ส่งข้อมูลที่ช้ากว่าโดยมีความสามารถในการรับ - ส่งสูงสุดที่ 11 Mbps เท่านั้น แต่เนื่องจากคลื่นความถี่ 2.4 GHz เป็นคลื่นความถี่สาธารณะ จึงสามารถนำไปใช้งานได้ในทุกๆ ประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องขออนุมัติก่อนแต่เนื่องจากเป็นคลื่นความถี่สาธารณะ ดังนั้นอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ จึงใช้คลื่นความถี่นี้เช่นเดียวกันเลยทำให้เกิดสัญญาณรบกวนกันได้ง่ายมาก ทำให้ประสิทธิภาพของมาตรฐานนี้จึงถูกลดทอนด้วยปัจจัยจากสภาพแวดล้อม
มาตรฐาน IEEE 802.11g
มาตรฐาน IEEE 802.11g เป็นมาตรฐานที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจาก 802.11b โดยยังคงใช้คลื่นความถี่ 2.4 GHz แต่มีความเร็วในการรับ - ส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 54 Mbps หรือเท่ากับมาตรฐาน 802.11a เพียงแต่ว่าความถี่ 2.4 GHz ยังคงเป็นคลื่นความถี่สาธารณะอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นจึงยังมีปัญหาเรื่องของสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ที่ใช้คลื่นความถี่เดียวกันอยู่ดี
มาตรฐาน IEEE 802.11N
มาตรฐาน IEEE 802.11N อาจจะยังไม่ถือว่าเป็นมาตรฐานจริงๆ เนื่องจากยังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เพราะยังคงอยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนาอยู่ และใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งมาตรฐาน 802.11N จะเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดด้วยการใช้เทคโนโลยีมากมายเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มความเร็วในการรับ - ส่งข้อมูลให้สูงขึ้น โดยจะมีความเร็วอยู่ที่ 300 Mbps หรือเร็วกว่าแลนแบบมีสายที่มาตรฐาน 100 BASE-TX นอกจากนี้ยังมีระยะพื้นที่ให้บริการกว้างขึ้น โดยเทคโนโลยีที่ 802.11N นำมาใช้ก็คือเทคโนโลยี MIMO ซึ่งเป็นการรับส่งข้อมูลจากเสาสัญญาณหลายๆ ต้นพร้อมๆ กัน ทำให้ได้ความเร็วสูงมากขึ้น และยังใช้คลื่นความถี่แบบ Dual Band คือทั้ง 2.4 GHz และ5 GHz ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ว่าออกแบบมาให้ทำงานกับคลื่นใดหรือทำงานกับทั้งสองคลื่นพร้อมๆ กันได้ ซึ่งทำให้บางประเทศที่ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้เครือข่ายไร้สายมาตรฐาน 802.11a อาจจะมีปัญหากับการใช้งานเครือข่ายไร้สายตามมาตรฐาน 802.11N
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น