วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประวัติส่วนตัว

                                                      




                              ประวัติส่วนตัว


ชื่อ นางสาวภาวิณี    นามสกุล ศรีเพ็ชร   ชื่อเล่น น้ำตาล
วันเกิด 22 มีนาคม พ.ศ. 2533   อายุ 21 ปี
ที่อยู่ 126/43 ถ.มนตรีสุริยวงศ์ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี 70000
กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต    คณะวิทยาการจัดการ
หลักสูตรการบริหารธุรกิจบัณฑิต (คอมพิวเตอร์ธุรกิจ)    ชั้นปีที่ 4
เบอร์โทรศัพท์ 083-1977927 
E-mail  nongnamtarn@hotmail.com , u51132792022@gmail.com

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บุคลิกภาพสไตล์ BIZCOM


   บุคลิกภาพเป็นเรื่องของภาพรวมที่ตัวเราแสดงออก ทั้งที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว โดยมีคนอื่นมองอยู่หรือรู้สึกกับสิ่งที่เราแสดงออก  เพราะฉะนั้นจึงต้องมีความระมัดระวังในการแต่งกายเพื่อเสริมสร้างให้เรามีบุคลิกภาพที่ดียิ่งขึ้นและเป็นที่ประทับใจของคนรอบข้าง เครื่องแต่งกายเป็นสิ่งแรกที่สะดุดตาผู้ที่พบเห็น ถ้าแต่งกายเหมาะสมก็จะก่อให้เกิดความประทับใจ หากเราแต่งกายไม่เหมาะสมผู้อื่นก็จะมองเราในลักษณะที่ไม่ดีและจะเกิดอัคติกับเรา เพราะในปัจจุบันมีบุคคลที่ไม่ดีคอยแฝงตัวอยู่ในคนที่มีบุคลิกภาพที่ดี หน้าตาดี คำพูดจาดูหน้าเชื่อถือและการแต่งกายที่เรียบร้อยก็ได้จึงทำให้เราไม่สามารถทราบได้เลยว่าใครที่มาดีหรือมาเพื่อหวังผลประโยชน์กับเราแต่ถ้าคนดีมีความรู้ความสามารถนั้นหากแต่งกายไม่เหมาะสม คนที่พบเห็นเราครั้งแรกอาจเกิดอัคติ ไม่เลื่อมใสกับเรา และยังเป็นการปิดโอกาสของตนเองในการแสดงความสามารถ  
   การแต่งกายควรแต่งให้เรียบร้อยพอควร เพราะคนแต่ละคนหรือสังคมแต่ละแห่ง อาจมีเกณฑ์วัดความสุภาพเรียบร้อยต่างกันออกไป แต่ถ้าใช้สามัญสำนึกสักหน่อย ก็จะพอรู้ว่าในสังคมไทยแต่งกายอย่างไรจึงจะถือว่าแต่งกายเรียบร้อย  และอย่างไรถือว่าไม่เรียบร้อย เช่น  การแต่งกายโดยเปิดเผยให้เห็นส่วนที่ควรสงวนของร่างกาย หรือใส่เสื้อผ้ารัดแน่นจนน่าเกลียด หรือสวมกระโปรง กางเกงที่สั้นมาก ๆ เพื่อต้องการแสดงและเน้นสรีระของร่างกาย โดยเฉพาะการแต่งกายที่รัดรูปจนเห็นสรีระในสถานที่ควรแก่การสักการะบูชา เช่น ศาสนสถาน วัด โบสถ์ สถานที่ราชการ มหาวิทยาลัย  ซึ่งถือว่าไม่สุภาพเรียบร้อยและเป็นการไม่ให้เกียริติกับสถานที่
   ดังนั้นบุคลิกภาพสไตล์ BIZCOM เราจึงต้องแต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบที่มหาวิทยาลัยได้กำหนดไว้ โดยคำนึงว่าเมื่อเรามาติดต่อเรื่องงานกับทางมหาวิทยาลัย การแต่งกายของเราก็ควรที่จะให้เกียรติสถานที่และการแต่งกายที่ดียังทำให้เรามีความมั่นใจเมื่อเราสวมใส่เสื้อผ้าที่ถูกระเบียบจนเกิดความเคยชินก็จะทำให้เราติดจนเป็นนิสัยและจะเกิดผลดีในอนาคตเมื่อเราไปสมัครงานหรือทำงานในภาครัฐและเอกชนผู้ที่พบเห็นก็จะไม่เกิดอัคติแต่ในทางตรงกันข้ามอาจจะเปิดโอกาสให้เรา นักศึกษาส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่ค่อยให้เกียรติกับสถานที่แต่คำนึงเรื่องของแฟชั่นเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้เกิดปัญหาสังคมขึ้นมากมาย

ลูกแรดเตรียมพร้อมล่าเหยื่อ

สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 3

   การเรียนครั้งที่ 1 อาจารย์สาระ  มีผลกิจ
(23 มิถุนายน พ.ศ. 2553)
อาจารย์สาระ มีผลกิจ มาเป็นวิทยากรการบรรยายเรื่องของประวัติของสวนดุสิตว่ามีความเป็นมาอย่างไรในอดีตกว่าจะมาเป็นสวนดุสิตในปัจจุบัน ทำให้เรามีความรู้เกี่ยวกับประวัติของสวนดุสิตมากยิ่งขึ้น และช่วงท้ายยังมีการบอกเกณฑ์การให้คะเเนนของรายวิชานี้ให้ทราบ

   การเรียนครั้งที่ 2 อาจารย์ ผ.ศ. โรจนา ศุขะพันธ์
(14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553)
ท่านอาจารย์โรจนาบรรยายเรื่องของการพัฒนาบุคลิกภาพและธนาคารความดี และพูดถึงเรื่องเราจะมีบุคลิกภาพที่ดีได้นั้นต้องปฏิบัติอย่างไร และยังบอกเรื่องแนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพของตนเองอย่างไรเถึงจะประสบความสำเร็จ

   การเรียนครั้งที่ 3 คุณเกษม  ภูติจินดานันท์
(28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553)
คุณเกษม ภูติจินดานันท์ มาเป็นวิทยากรในการบรรยายในหัวข้อเรื่องการบริหารการเงินส่วนบุคคล ทำให้เราได้รู้จักวางแผนการใช้เงินว่าควรมีการจดบันทึกว่าวันนึงเราใช้จ่ายสิ่งใดไปบ้างและรู้จักเก็บออมเพื่ออนาคต และยังแนะแนวทางวิธีการเก็บออมเงินเพื่อไว้ใช้ในอนาคต

   การเรียนครั้งที่ 4 อ.ปรีชา ร่วงลือ
 (25 สิงหาคม พ.ศ. 2553)
อ.ปรีชา ร่วงลือ เป็นอาจารย์ที่สอนนักเรียนประถมในโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ ท่านอาจารย์ได้มาบรรยายในหัวข้อเรื่องภาษาไทยในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้เราทราบหลักการเขียนอักษรไทยและพยัญชนะไทยที่ถูกต้อง

   การเรียนครั้งที่ 5 การเสวนาธรรม เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพกับธรรมะ โดยหลวงปู่พุทธอิสระ วัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม และคุณมนัส ตั้งสุข
(1 กันยายน พ.ศ. 2553)
จากการเสวนาธรรมครั้งนี้ทำให้เราได้นำหลักธรรมที่ได้นำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันและทำให้เราได้ระลึกถึงพระคุณของบิดา มารดา เมื่อเรามีการงานที่มั่นคงเราก็ควรจะรีบตอบแทนพระคุณท่านก่อนที่จะสายจนเกินไปและไม่สามารถกลับไปแก้อะไรได้แล้วจะมานั่งคิดเสียดายในภายหลังว่าทำไมวันนั้นเราไม่ทำ